• ตรวจเช็คระยะห่างวาล์ว ทุกๆ 4-6 หมื่นกิโลเมตร เมื่อพบว่าวาล์วยันให้ปรับตั้งใหม่ทันที
  • ตรวจเช็คคอยล์จุดระเบิด หัวเทียน อย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้ใช้หัวเทียนเข็ม
  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่สามารถทนความร้อนจากการเผาไหม้สูง และควรเปลี่ยนถ่าย ตามกำหนดอย่างเคร่งครัด (หรือจะถ่ายก่อนกำหนดก็ได้)
  • ควรเติมน้ำมันไว้เกิน 1ส่วน4ของถังตลอดเวลา เพื่อไว้ใช้สำรองตอนแก๊สหมดและป้องกันการเกิดสนิมในถังน้ำมัน และยังสามารถป้องกันการเสียหายของปั๊มติ๊กและหัวฉีดน้ำมัน
  • ใช้น้ำมันสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนทุกเครื่อง เพื่อรักษาสภาพของเครื่องยนต์และควรสลับใช้น้ำมันบ้าง
  • เข้าตรวจเช็คระบบแก๊สเมื่อครบระยะ ตามศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้รับการตรวจเช็คที่ถูกวิธี
  • พยายามจอดรถในที่ร่ม เพื่อป้องกันสีรถจากการทำร้ายของแสงแดด ช่วยให้สีภายนอกของรถยนต์สดใสยาวนานยิ่งขึ้น
  • อย่าปล่อยให้รถสกปรกนานเกินไป ฝุ่นหรือโคลนจะทำให้ชั้นผิวแลคเกอร์ของรถยนต์ค่อยๆเสื่อมสภาพและลดความเงามัน
  • ล้างรถอย่างเหมาะสม ไม่ใช้น้ำที่มีความร้อนหรืออุ่นมากเกินไปเพราะจะทำให้สีรถซีด ไม่ล้างรถในที่แจ้งแดดจัด และควรใช้น้ำยาในการล้างรถ
  • เช็ดรถยนต์หลังล้างเสร็จ ทำความสะอาดรถให้แห้ง โดยใช้ผ้าชามัวร์ หรือ ผ้านาโน มิเช่นนั้นคราบน้ำอาจด่างเป็นจุดๆบนพื้นผิวสีรถได้
  • เคลือบสีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ช่วยทำให้สีรถยนต์เงางามอยู่ตลอดเวล

” ไทยสมาย ลีสซิ่ง ” เราห่วงใยคุณ
บันทึกเบอร์สายด่วนไว้ เดินทางปลอดภัย อุ่นใจแน่นอน

  • ดูแลไฟหน้ารถให้พร้อมเสมอ
    รักษาไฟหน้าให้สะอาด มีทิศทางที่ถูกต้อง และมีความสว่างเพิ่มการมองเห็น เพื่อลดความอันตรายในยามค่ำคืน
  • ถอยให้ห่างจากคันหน้า
    ไม่ควรขับรถตามใกล้ชิดเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และหากขับชิดเกิน ไฟหน้าของคุณอาจรบกวนสมาธิและการมองเห็นของผู้ขับขี่ด้านหน้าได้
  • สายตาต้องพร้อม
    ตรวจสอบกระจกเป็นประจำ ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวและกระจกต้องอยู่ในทิศทางที่เหมาะสมต่อการมองเห็นของผู้ขับ
  • ตื่นตัวอยู่เสมอวางแผนการเดินทางให้เหมาะสม เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ หากง่วงควรแวะพักหรือหาเครื่องดื่มเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวอยู่เสมอ

5 วิธียืดอายุยางรถยนต์
เริ่มต้นปีใหม่ปลอดภัย อย่าลืมตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์กันนะคะ

ยางรถเป็นสิ่งสำคัญ ควรหมั่นตรวจเช็ค
หากสังเกตเห็นลักษณะดังนี้ ต้องรีบเปลี่ยนด่วน

  • เนื้อยางแข็ง
    ประสิทธิภาพการเกาะถนนจะลดน้อยลง
  • ดอกยางเริ่มโล้น
    หากเจอพื้นที่เปียกหน้ายางจะไม่สัมผัสกับผิวถนน
    ยางจึงไม่เกาะถนน และเกิดปัญหารถลื่นไถลได้
  • ยางบวม
    สาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เกิดยางระเบิด ต้องรีบเปลี่ยนทันที!
  • แผลฉีกขาดที่ยาง
    อาจทำให้ยางระเบิดได้ เมื่อขับรถด้วยความเร็ว
  • รู้ทางหลักทางลัด
    ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหารถติด รับลูกค้าได้มากขึ้น
    รายได้ต่อวันก็มากขึ้นตาม
  • รู้เวลาและจุดรอผู้โดยสาร
    ทำให้ไม่เปลืองค่าน้ำมัน และควรหมั่นสังเกตช่วงเวลาใด
    ควรรอผู้โดยสารตรงไหน เช่น ช่วงเลิกงาน ลูกค้าเยอะบริเวณย่านออฟฟิศ หรือ
    ช่วงดึกสุดสัปดาห์ ลูกค้าจะเยอะโซนแหล่งท่องเที่ยว
  • ปั๊มแก๊สมีที่ไหนบ้างต้องรู้
    เป็นการคุมต้นทุนในแต่ละวัน ประหยัดกว่าการเติมน้ำมัน
  • ภาษาอังกฤษสื่อสารให้ได้
    เพื่อใช้สื่อสารกับผู้โดยสารชาวต่างชาติ
    หมดปัญหาส่งผู้โดยสารผิดที่และทำให้ไม่เสียเวลา
  • สมัครแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่
    ข้อดีคือคุมเวลาและต้นทุนเชื้อเพลิงได้ง่ายกว่า
    การตะลอนวิ่งหาลูกค้าแบบไร้จุดหมาย
  • ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร
    การปฏิเสธผู้โดยสารมีโอกาสถูกตำรวจจับ มีโทษเสียค่าปรับสูงสุด 1,000 บาท
    และหากพบทำผิดเป็นครั้งที่ 2 จะถูกถอนใบอนุญาตทันที
  • ใส่หน้ากากอนามัย
    มีหน้ากากอนามัยเป็นของตัวเอง และมีหน้ากากอนามัยเผื่อไว้ให้
    ผู้โดยสาร เพื่อป้องกันระบบทางเดินหายใจจากมลพิษ สารพิษ
    และเชื้อโรค
  • ทำความสะอาดรถ
    เช็ดทำความสะอาดบริเวณที่มีผู้โดยสารสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำเปล่า
    ผสมสบู่และเช็ดน้ำเปล่าอีกครั้ง หรือใช้แอลกอฮอล์เช็ดก็ได้เช่นกัน
  • เปิดกระจกรถ
    พักเที่ยงควรเปิดประตูหน้าต่างรถไว้เพื่อระบายอากาศ ให้เชื้อไวรัส
    โคโรน่าตาย เนื่องจากบ้านเราแดดร้อน และเชื้อไวรัสไม่ชอบพื้นที่
    ที่มีอุณหภูมิสูง หรือระหว่างขับรถหากมีผู้โดยสารมีอาการ ไอ จาม
    ให้ปิดแอร์ทันทีแล้วเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสสะสมอยู่ในรถ ลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าของคนขับแท็กซี่เองและผู้โดยสารท่านอื่น
  • ปิดแอร์ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์และก่อนถึงที่หมาย
    ประมาณ 3 นาที ให้ปิดความเย็น แล้วเปิดพัดลมอย่างเดียว
    เพื่อไล่ความชื้น (ถึงแล้วอย่าลืมปิดแอร์ด้วยนะ)
  • เปิดแอร์ทิ้งไว้ประมาณ5นาที
    ถ้าไม่ได้ใช้รถนานหลายวัน ให้เปิดประตู
    หรือกระจก 5 นาที ก่อนออกเดินทาง
  • เติมน้ำยาแอร์ให้ถูกชนิด
    เพราะทั้ง 2 ชนิด (Refrigerant 12 และ Refrigerant 134a)
    ไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ และไม่ควรเติมน้ำยาแอร์บ่อยเกินไป
  • ตรวจเช็คแอร์
    ทุก 3 เดือน หรือทุกๆ 5,000 กิโลเมตร
  • ล้างมือทุกครั้งก่อนขับรถ
    เพื่อลดการแพร่กระจาย หรือการสะสมของเชื้อไวรัส
    ควรล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสบู่
    ก่อนเข้าไปภายในตัวรถทุกครั้ง
  • หมั่นล้างรถยนต์เป็นประจำ
    เพื่อป้องกันเชื้อโคโรน่าไวรัสติดสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ
    ขณะล้างควรสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส
    กับจุดเสี่ยงโดยตรง เช่น มือจับประตู ฝาปิดถังน้ำมัน และกระจกข้าง
    โดยใช้น้ำยาหรือแชมพูล้างรถทำความสะอาดได้ตามปกติ
  • ทำความสะอาดภายในด้วยสบู่
    ใช้สบู่ผสมกับน้ำ เช็ดตามประตู พวงมาลัย ทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที
    แล้วเช็ดออกให้แห้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาว แอลกอฮอล์
    เพราะจะทำให้เกิดรอยด่างและเสื่อมสภาพ
  • อย่าลืมเบาะนั่งและพรมปูพื้น
    พรมปูพื้นรถยนต์สามารถนำออกมาเคาะฝุ่นซักได้ตามปกติ
    ส่วนเบาะนั่งแบบหุ้มหนัง ให้ใช้สบู่ผสมน้ำเช็ด (ทำตามวิธีข้อที่3)
    หากเป็นเบาะนั่งแบบผ้า ใช้โฟมทำความสะอาด ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
    และควรผึ่งแดดไว้จนกว่าจะแห้งสนิท
  • ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อในอากาศ
    เพื่อลดความเสี่ยงการสะสมเชื้อไวรัสในอากาศให้เหลือน้อยที่สุด

Social Distancing หรือ ‘การเว้นระยะห่างทางสังคม’
คือ การสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่นในสังคม
เพื่อช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส มีข้อปฎิบัติ ดังนี้

  • รักษาระยะห่าง 1 เมตร
    เพราะไวรัสนั้นสามารถติดต่อได้ผ่านละอองขนาดเล็กที่มาจาก
    การไอหรือจาม หากอยู่ใกล้ชิด อาจสูดไวรัสเข้าร่างกายได้
  • เลี่ยงการสัมผัสทางกายภาพ
    เพราะอาจนำเชื้อมาสู่ตัวเอง หรือเป็นการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
  • เลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านหรือใช้ขนส่งสาธารณะ
    เพื่อป้องกันการติดต่อเชื้อไวรัสจากการสัมผัส
  • Work From Home หรือการทำงานที่บ้าน
    ป้องกันการแพร่เชื้อทั้งภายในบริษัทและนอกบริษัท
  • ฟิล์มกรองแสง
    เลือกติดฟิล์มที่ได้มาตรฐาน
    ดูจากค่าการลดความร้อนและค่าป้องกันรังสี UV
  • ระบบหล่อเย็น
    ควรตรวจเช็คและเปลี่ยนน้ำยาอยู่เสมอ
    เพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์
    ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • หม้อน้ำ
    ควรดูแลหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    หากเกิดความร้อนสูง อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
  • ยางรถยนต์
    หมั่นตรวจเช็คลมยางและไม่ควรให้ลมยางอ่อน
  • ระบบปรับอากาศ
    เมื่อสตาร์ทรถ ควรเปิดพัดลมแอร์ก่อน
    เพื่อระบายความร้อน แล้วจึงเปิดแอร์
  • ตรวจสอบระบบปัดน้ำฝน
    – ยางใบปัดน้ำฝน
    – รูหัวฉีดน้ำ
    – น้ำฉีดกระจก
    เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับรถ
  • ตรวจสอบยางล้อรถ
    ความลึกของร่องยางควรเหลือไม่ต่ำกว่า 1.5-2 มม.
  • อย่าวางใจสภาพถนน
    จับพวงมาลัยให้เหมาะสม
    ชะลอความเร็วและใช้เกียร์ต่ำ
    อย่าเหยียบเบรกแรงครั้งเดียว
  • เปิดไฟเมื่อฝนตกหนัก
    ควรเปิดไฟหน้าแบบต่ำ ไม่ควรเปิดไฟหรี่หรือไฟสูง
  • รถที่ไม่มีเอบีเอส
    ไม่ควรเหยียบเบรกแรงๆ ถ้าไม่จำเป็น
  • ห้ามขับรถเร็วเกินไป
    หากเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า อาจจะไม่สามารถเบรกได้ทัน
  • ห้ามเบรกกะทันหัน
    ฝนตกถนนลื่น หรือมีน้ำขังบนถนน หากเบรกกะทันหัน อาจเบรกไม่อยู่
    หรือรถอาจเสียการควบคุมจนไถลและเกิดอุบัติเหตุตามมา หรือหากรถที่ตามหลังเรามาเบรกไม่ทัน ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
  • ห้ามขับรถบนถนนที่เป็นแอ่งน้ำ
    อาการ “ยางเหินน้ำ” เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นขณะที่คุณขับผ่านถนนที่เป็นแอ่งน้ำ หรือมีน้ำขัง ซึ่งหน้ายางจะไม่สามารถรีดน้ำออกจากยาง
    ทำให้หน้ายางและดอกยางไม่สัมผัสพื้นถนน อาจส่งผลให้รถเสียการควบคุม ลื่นไถลจนเกิดอุบัติเหตุตามมา
  • ห้ามเปลี่ยนเลนกะทันหัน
    อาจเกิดอุบัติเหตุตามมาได้หากมีรถวิ่งตามมา หรือหากไม่กะทันหันควรเปิด “ไฟเลี้ยว”
  • ห้ามลืมเปิดไฟหน้า
    กรณีนี้ควรเปิดไฟหน้าในช่วงฝนตกหนักจริงๆ หรือทัศนะวิสัย ในการมองเห็นไม่ชัดเจน ช่วยให้เรามองเห็นสถานการณ์ด้านหน้า และมองเห็นเพื่อนร่วมทางคันอื่นๆ ลดการเกิดอุบัติเหตุได้